ในการเลือกติดฟิล์มติดรถยนต์ ไม่ว่าจะฟิล์มกรองแสงทั่วไป หรือ ฟิล์มสุดฮิตอย่างฟิล์มเซรามิค คำแรกที่มักจะผุดขึ้นมาสำหรับการเลือกฟิล์มคือ
ฟิล์ม 40 60 80 เปอร์เซ็น ซึ่งเป็นคำที่คุ้นชินหูผู้บริโภคชาวไทยและเซลล์ขายรถยนต์ทุกครั้งในใบจองรถยนต์ที่มีฟิล์มแถมให้ด้วยมักจะระบุว่า ฟิล์ม 40 60
ซึ่งบางครั้งก็ทำให้ได้ฟิล์มติดรถยนต์ที่ไม่ตรงใจตรงกับความต้องการของเรา
เราจึงขอนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับฟิล์มติดรถยนต์
ความหมายของฟิล์ม 40 60 80คือ อะไรและสามารถดูได้จากไหนในโบว์ชัวร์
เพื่อให้การเลือกติดตั้งฟิล์มในครั้งต่อไปเราจะได้เลือกฟิล์มติดรถยนต์ได้ตรงกับความต้องการของเราอย่างแท้จริง
มาเริ่มกันที่คุณสมบัติของฟิล์มติดรถยนต์ ที่มักจะมีระบในเอกสารทางการตลาดของผู้จำหน่ายแต่ละยี่ห้อจะมีดังนี้
- ค่าแสงสว่างส่องผ่าน, Visible Light Transmission (VLT) คือความสามารถที่แสงสามารถส่องผ่านฟิล์มได้มีค่าสูงสุดที่ 100%
- ค่าป้องกันรังสีอินฟาเรด(ความร้อน), Infrared Heat Rejection (IRR) คือการการป้องกันรังสีอินฟาเรดมีค่าสูงสุดที่ 100%
- ค่าป้องกันรังสียูวี, UV Rejection คือค่าการป้องกันรังสียูวีมีค่าสูงสุดที่ 100%
- ค่าป้องกันความร้อนรวม, Total Solar Energy Rejection (TSER) คือค่าป้องกันความร้อนรวม
เมื่อเราแล้วว่าคุณสมับติของฟิล์มติดรถยนต์สามารถวัดออกมาได้เป็นค่าอะไรบ้างในการเลือกฟิล์มติดรถยนต์ 40 60 80 อย่างที่เราต้องการนั้นเราต้องดูจาก ค่าแสงสว่างส่องผ่านเป็นหลัก
ซึ่งจากข้อมูลของฟิล์มติดรถยนต์ และฟิล์มเซรามิคที่มีจำหน่ายในประเทศไทยนั้นจะแยกได้ดังนี้
- ฟิล์มติดรถยนต์ 40% จะมีค่าแสงสว่างส่องผ่านได้อยู่ในช่วง 30%-40%
- ฟิล์มติดรถยนต์ 60% จะมีค่าแสงสว่างส่องผ่านได้อยู่ในช่วง 16%-30%
- ฟิล์มติดรถยนต์ 80% จะมีค่าแสงสว่างส่องผ่านได้อยู่ในช่วง 5%-15%
โดยเฉพาะฟิล์มเซรามิคปัจจุบันในท้องตลาดผู้จำหน่ายแต่ละแบรนด์จะมีฟิล์มให้เลือกค่าแสงสว่างส่องผ่าน 3 รุ่นต่อแพ็คเกจนั้นๆเท่านั้นเช่น
ค่าแสงสว่างส่องผ่าน Huper Optik Ceramic Premium X3 รุ่น C30 มีค่าแสงสว่างส่องผ่าน = 31% สเปคฟิล์ม Premium X3
ภายนอก C30
ภายใน C30
ค่าแสงสว่างส่องผ่าน Huper Optik Ceramic 5G Pro Vision รุ่น CP35 มีค่าแสงสว่างส่องผ่าน = 40% สเปคฟิล์ม 5G Pro Vision
ค่าแสงสว่างส่องผ่าน Huper Optik Ceramic Premium X3 รุ่น C20 มีค่าแสงสว่างส่องผ่าน = 20% สเปคฟิล์ม Premium X3
ภายนอก C20
ภายใน C20
ค่าแสงสว่างส่องผ่าน Huper Optik Ceramic 5G Pro Vision รุ่น CP20 มีค่าแสงสว่างส่องผ่าน = 22% สเปคฟิล์ม 5G Pro Vision
ภายนอก CP20
ภายใน CP20
ค่าแสงสว่างส่องผ่าน Huper Optik Ceramic Premium X3 รุ่น C05 มีค่าแสงสว่างส่องผ่าน = 6% สเปคฟิล์ม Premium X3
ภายนอก C05
ภายใน C05
ค่าแสงสว่างส่องผ่าน Huper Optik Ceramic 5G Pro Vision รุ่น CP05 มีค่าแสงสว่างส่องผ่าน = 7% สเปคฟิล์ม 5G Pro Vision
ภายนอก CP05
ภายใน CP05
ตัวอย่างข้างต้นจะเป็นของฟิล์มติดรถยนต์ หรือฟิล์มเซรามิค
Huper Optik ถ้าเราลองเทียบกับแบรนด์ฟิล์มติดรถยนต์พรีเมี่ยมแบบ V-KOOL ที่จะเป็นฟิล์มติดรถยนต์ที่เน้นการป้องกันความร้อนสูงจะมีดังนี้
ค่าแสงสว่างส่องผ่าน V-KOOL Solitaire Package รุ่น VK30 มีค่าแสงสว่างส่องผ่าน = 35.8% สเปคฟิล์ม V-KOOL Solitaire
ค่าแสงสว่างส่องผ่าน V-KOOL Eco Stature Package รุ่น X25 มีค่าแสงสว่างส่องผ่าน = 28% สเปคฟิล์ม Eco Stature
ค่าแสงสว่างส่องผ่าน V-KOOL Royal Privacy Package รุ่น VK10 มีค่าแสงสว่างส่องผ่าน = 13% สเปคฟิล์ม VK10
ฟิล์มติดรถยนต์ V-KOOL จะเป็นแบรนด์พรีเมี่ยมที่ยังคงมีฟิล์มใสแต่ค่าป้องกันความร้อนได้สูงลักษณธของฟิล์มกลุ่มนี้คือจะมีค่าแสงสว่างส่องผ่านมากกว่า 50% ซึ่งฟิล์มติดรถยนต์แบบนี้จะเหมาะสำหรับผู้ที่มีความกังวลเกี่ยวกับความเคลียร์ชัดของฟิล์มหรือทัศนวิสัยของฟิล์มเมื่อติดตั้ง ถ้าต้องการความเป็นส่วนตัว, มีความจำเป็นต้องวางสิ่งของมีค่าไว้ที่เบาะหลัง ก็สามารถเลือกใช้ฟิล์มติดรถยนต์ 40 หรือลงทุนติดฟิล์มแบบพรีเมี่ยมซึ่งนอกจากจะช่วยให้ทัศนวิสัยที่ดีแล้ว ฟิล์มติดรถยนต์พรีเมี่ยมยังมีประสิทธิภาพในการป้องกันความร้อนที่สูงมากด้วย เพราะเวลาเราใช้งานรถยนต์ความร้อนจากรังสีแสงอาทิตย์จะเข้าทางกระจกบานหน้ามากที่สุด เนื่องด้วยเป็นกระที่มีขนาดใหญ่มากที่สุด นอกจากนี้กระจกบานหน้ารถยนต์ตามาตรฐานการผลิตรถยนต์ในประเทศไทยปัจจุบันจะเป็นกระจกนิรภัยสองชั้นซึ่งมีแผ่น PVB อยู่ตรงกลางทำให้ตัวกระจกดูดซับความร้อนมากกว่ากระจกบานข้างที่เป็นกระจกชั้นเทมเปอร์ชั้นเดียว
ดังนั้นการเลือกฟิล์มติดรถยนต์ แต่ละครั้งควรคำนึงถึงการใช้งานของเราเป็นหลักและเลือกที่เหมาะสมกับเรา ถ้าจะให้ดีที่สุดควรทดลองนั่งรถคันที่ติดฟิล์มรุ่นที่เราต้องการติดหรือถ้าไม่มีก็ลองทดสอบนั่งรถที่ติดฟิล์มรถยนต์รุ่นที่มีแสงสว่างสองผ่านใกล้เคียงกันกับรุ่นที่เราต้องการติดเพราะในสินค้าแบรนด์เดียวกันคุณภาพของพลาสติกความใสเมื่อนั่งจากภายในจะไม่ต่างกันมากนักในแต่ละรุ่น อย่าเลื่อเพียงคำแนะนำของพนักงานขายหรือดูแค่สปคตามโบว์ชัวร์หรือตัวอย่างขนาดเล็กๆเท่านั้นซึ่งไม่เพียงพอในการใช้พิจารณาตัดสินใจซึ่งถ้าได้ฟิล์มที่ไม่ตรงกับความต้องการของเราถ้าไม่ทนใช้ก็ต้องเสียเงินเพื่อติดใหม่ซึ่งการลอกฟิล์มติดใหม่จะทำให้รถยนต์เสี่ยงต่อการเสียหายได้ทั้งต่อกระจกไล่ฝ้าด้านหลัง เฟอร์นิเจอร์ภายในรถยนต์รวมถึงระบบไฟฟ้าภายในรถยนต์ด้วย